Main Menu

Recent posts

#1

Ducati Scrambler Urban Motard เป็นรถอีกรุ่นจากตระกูล Ducati Scrambler ที่พกพาความเเรงของเครื่องยนต์เเละรูปโฉมที่พร้อมจะลุยในทุกเส้นทาง

มิติตัวรถของ Ducati Scrambler Urban Motard มีน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 180 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 196 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 805 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,436 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 112 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 13.5 ลิตร เบาะนั่งยาวชิ้นเดียวเเบบ Dual seat

สมรรถนะของ Ducati Scrambler Urban Motard ก็น่าสนใจ เมื่อมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ L-Twin, Desmodromic distribution, 2 valves per cylinder, air cooled ที่มีขุมพลังขนาด 803 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 88 x 66 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 73 เเรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 66.2 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection, 50 mm throttle body  ในขณะที่ระบบไอเสียจะเป็น Stainless steel muffler with catalytic converter and 2 lambda probes, aluminium tail pipes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed มี Primary drive ที่ 1=32/13 2=30/18 3=28/21 4=26/23 5=22/22 6=24/26 อัตรา Straight cut gears, Ratio 1.85:1 ส่วน Final drive เป็นเเบบ Chain, front spocket 15, rear sprocket 46 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch เป็นอีกรุ่นที่มีสเปกเเรงสะใจ

ในส่วนของเฟรมนั้น Ducati Scrambler Urban Motard มีเฟรมเเบบ Tubular steel Trellis frame ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็นเเบบ Upside down Kayaba 41 mm fork ทางด้านระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Kayaba rear shock, pre-load adjustable ระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเป็นเเบบ Ø330 mm disc, radial 4-piston calliper with Bosch Cornering ABS as standard equipment ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ Ø245 mm disc, 1-piston floating calliper with Bosch Cornering ABS as standard equipment ในขณะที่ส่วนของล้อหน้าจะเป็นเเบบ Spoked aluminium wheel 3.5'' x 17'' ล้อหลังเป็นเเบบ Spoked aluminium wheel 5,50" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III - 120/70-ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III - 180/55-ZR17 โคมไฟหน้าเป็นทรงกลมดวงเดียวขนาดใหญ่มีเหล็กกันกระเเทกคาดเเบบกากบาท แฮนด์จับยาว พร้อมกระจกมองหลัง ส่วนไฟท้ายเเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียเดี่ยวปลายท่อเป็นเเคบล่าดูดุดัน จอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ LCD โดยเป็นทรงกลมคลาสสิค ที่พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีสีขาว-เเดง White Silk and Ducati GP '19 Red

ราคาขายของ Ducati Scrambler Urban Motard นั้นเคาะออกมาที่เรท 419,000 บาท
#2

Ducati Panigale V4 SP2 ถือว่าเป็นสุดยอดสปอร์ตไบค์ของดูคาติอีกรุ่นที่ร้อนเเรงเเละน่าสนใจ เพราะมันสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มาสัมผัสกับสมรรถนะที่ดุดันเมื่อเเล่นบนทางเรียบ พร้อมกับสืบทอดความเเรงมาจากสนามเเข่งขันอีกด้วย

โครงสร้างตัวรถของ Ducati Panigale V4 SP2 ก็ลงตัวอย่างเหมาะเจาะดัวยน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 173 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 194.5 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 850 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,469 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24.5 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 100 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 17 ลิตร เบาะนั่งโดยสารเป็นเเบบ Single seat

ส่วนทางด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์นั้น Ducati Panigale V4 SP2 ก็มาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ Desmosedici Stradale 90° V4, counter-rotating crankshaft, 4 Desmodromic timing, 4 valves per cylinder, liquid-cooled ที่มีขุมพลังขนาด 1,103 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 81 x 53.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 14.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 215.5 เเรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 123.6 นิวตันเมตรที่ 9,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system. Twin injectors per cylinder. Full ride-by-wire elliptical throttle bodies. Variable length intake system ส่วนระบบไอเสียจะเป็น 4-2-1-2 system, with 2 catalytic converters and 2 lambda probes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed with Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears; Ratio 1.80:1 มีอัตราที่ 1=38/14 2=36/17 3=33/19 4=32/21 5=30/22 6=30/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain; Front sprocket 16; Rear sprocket 41 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch

เฟรมของ Ducati Panigale V4 SP2 ได้รับการออกเเบบมาใหม่ในเเบบ Aluminum alloy "Front Frame" with optimized stiffnesses ที่ได้รับการออกเเบบใหม่มาเป็นอย่างดี มีความเเข็งเเกร่งเเละทนทานสูง ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็นเเบบ Öhlins NPX25/30 pressurized 43 mm fully adjustable fork with TiN treatment. Electronic compression and rebound damping adjustment with Öhlins Smart EC 2.0 event-based modeทางด้านระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Fully adjustable Ohlins TTX36 unit. Electronic compression and rebound damping adjustment with Öhlins Smart EC 2.0 event-based mode. Aluminium single-sided swingarm ระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเป็นเเบบ 2 x 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Monobloc Stylema® (M4.30) 4-piston callipers with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ 245 mm disc, 2-piston calliper with Cornering ABS EVO ส่วนล้อหน้าจะเป็น 5-split spoke carbon fiber 3.50" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ 5-split spoke carbon fiber 6.00" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Supercorsa SP 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Supercorsa SP 200/60 ZR17 ด้านหน้าเป็นเเบบ Panigale look มี air intakes 2 ตำเเหน่ง โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ full-LED headlight ทั้งสองดวง เเฟริ่งเป็นเเบบ Double Layer ส่วนไฟท้ายเเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียเดี่ยวดูดุดันพร้อมหน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีเป็นเฉดเดียวคือสีดำ Ducati Black อันเป็นเเบบฉบับของดูคาติ

ราคาขายของ Ducati Panigale V4 SP2  นั้นเคาะออกมาที่เรท 1,660,000 บาท นับว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ
#3

รถในตระกูล ROCKET ของไทรอัมพ์นั้น มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครเเละสำหรับ Triumph Rocket 3 R นั้นก็เป็นสไตล์ Cruiser ที่งามสง่าพร้อมกลิ่นอายความเป็นผู้ดีที่น่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง เเละมีการตกแต่งรายละเอียดอย่างงดงามและโดดเด่นจนไม่ว่าจะขับขี่ไปไหน รับรองได้เลยว่าจะมีเเต่คนเหลียวหลังมองอย่างเเน่นอน

มิติตัวรถของ Triumph Rocket 3 R นั้นมีขนาดที่ใหญ่เเต่ลงตัวอย่างยิ่งด้วยแฮนด์บาร์กว้าง 889 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,065 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 773 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,677 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 27.9 º ส่วนเทรลอยู่ที่ 134.9 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 18 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 291 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.82 ลิตร/100 กิโลเมตร

ส่วนสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph Rocket 3 R นั้นก็น่าสนใจเพราะมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ สามสูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยมีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 2,458 ซีซี กระบอกสูบขนาด 110.2 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 85.9 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 10.8:1 สามารถให้กำลังที่ 167 เเรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 221 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบคอท่อไอเสียสแตนเลสเข้า 3 ออก 1 พร้อมปลายท่อเก็บเสียง 3 ทางและ CAT box อันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้  ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบ เพลาขับเคลื่อนและเฟืองบีเวล โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบ ครัชท์ไฮดรอลิกพร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

ในส่วนของเฟรมนั้น Triumph Rocket 3 R มีเฟรมเเบบโครงอลูมิเนียม ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบอลูมิเนียมแขนเดี่ยว คอยช่วยอีกเเรง ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบล้ออลูมิเนียมหล่อ ขนาด 17x3.5 นิ้ว ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบล้ออลูมิเนียมหล่อ ขนาด 16x7.5 นิ้ว  ส่วนยางหน้ามีขนาด 150/80 R17 V ยางหลังมีขนาด 240/50 R16 V โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คหน้าหัวกลับ Showa ขนาด 47 มิลลิเมตร  ระบบคาร์ทริดจ์พร้อมด้วยตัวปรับตั้งค่าการยุบตัวและการคืนตัว ที่มีระยะยุบตัว 120 มิลลิเมตร  ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้คอัพ Showa แบบมีซับแทงค์สามารถปรับตั้งได้เต็มระบบ พร้อมด้วยรีโมทควบคุมการปรับตั้งพรีโหลดแบบไฮดรอลิค ระยะยุบตัวล้อหลัง 107 มิลลิเมตร โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานเบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมด้วยคาลิปเปอร์โมโนบล็อค Brembo M4.30 Stylema 4 ลูกสูบ และระบบ Cornering ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบ จานเบรกเดี่ยวขนาด 300 มิลลิเมตร พร้อมด้วยคาลิปเปอร์โมโนบล็อค Brembo M4.32 4 ลูกสูบ และระบบ Cornering ABS โดยมีหน้าจอมัลติฟังก์ชั่นแบบ TFT ด้วยรูปแบบการแสดงผลความเร็วแบบดิจิทัล ทริปคอมพิวเตอร์ วัดรอบแบบดิจิทัล แสดงตำแหน่งเกียร์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สัญลักษณ์เตือนเข้าเซอร์วิส แสดงอุณหภูมิอากาศ นาฬิกา และโหมดการขับขี่ (Rain/Road/Sport/Rider-configurable) ระบบการเชื่อมต่อกับ TFT ของไทรอัมพ์สามารถเพิ่มอุปกรณ์เสริม Bluetooth ได้ โคมไฟน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 2 ดวง เเละมีอุปกรณ์เสริมสไตล์คัสตอมของ Rocket 3 รุ่นใหม่กว่า 50 รายการ เพื่อเสริมสไตล์ ประโยชน์ใช้สอย และความสามารถด้าน Touring ตัวบอดี้มีมาให้เลือก 2 สีคือ สีดำล้วน เเละสีแดง

ราคาขายของ Triumph Rocket 3 R อยู่ที่ เรท 965,000 บาท
#4
/center]

Triumph New Speedmaster Gold Line Limited Edition เป็นอีอหนึ่งในรถจักรยานยนต์คลาสสิคโมเดิร์นของไทรอัมพ์ ที่มีความน่าสนใจในหลายๆ จุดด้วยกัน เพราะการผลิตที่เเสนจะประณีตด้วยมือในการตกเเต่งเส้นสายบนตัวถังรถ เพื่อความเป็นรุ่นพิเศษที่สวยงามอย่างแท้จริง

มิติตัวรถของ Triumph New Speedmaster Gold Line Limited Edition ก็นับว่าลงตัวเป็นอย่างดี ด้วยการที่พกพาความกว้างของแฮนด์รถที่ 910 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,055 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 705 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,500 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.3 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 91.4 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 263 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.6 ลิตร/100 กิโลเมตร

Triumph New Speedmaster Gold Line Limited Edition
พกพาเครื่องยนต์เเบบลูกสูบคู่ขนานแบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา โดยมีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 78 เเรงม้าที่ 1,500 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 106 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบท่อไอเสียสเตนเลสสตีลโครเมียม 2 เป็น 2 สกินคู่พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสโครเมี่ยม ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่ โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

Triumph New Speedmaster Gold Line Limited Edition  มีเฟรมเเบบโครงท่อเหล็กพร้อมแท่นวางคู่ ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบการประดิษฐ์สองด้าน ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบซี่เหล็ก 32 ซี่ 16 x 2.5 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบซี่เหล็ก 32 ซี่ 16 x 3.5 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด MT 90 B16 ยางหลังมีขนาด 150/80 R16 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบส้อม 47 มิลลิเมตร พร้อมตลับ Showa ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Monoshock RSU พร้อมการเชื่อมโยงและการปรับพรีโหลด ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบ ดิสก์คู่Ø310 มิลลิเมตร, คาลิปเปอร์แกนเลื่อน Brembo 2 ลูกสูบ, ABS ส่วนทางด้านเบรกหลังเป็นเเบบดิสก์เดี่ยวØ255 มิลลิเมตร, คาลิปเปอร์แกนเลื่อนลูกสูบเดี่ยว Nissin, ABS โดยที่แผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น LCD พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก  ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่งสองชิ้นต่างระดับจำนวนสองที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นเป็นสีเทา ตัดด้วยลายเส้นสีทอง สวยงามเป็นอย่างยิ่ง

สนราคาของ Triumph New Speedmaster Gold Line Limited Edition  จะจำหน่ายที่เรทราคา  635,000 บาท
#5

Triumph New Bonneville T100 Gold Line Editions เต็มไปด้วยความสะดวกสบายในการใช้งานที่มาพร้อมความพิเศษ ทั้งการบังคับที่แสนง่ายระดับตำนาน พร้อมขีดความสามารถแบบสมัยใหม่ งานพื้นผิวสุดงดงามพร้อมเก็บรายละเอียดด้วยมือ ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดของตระกูล T100

Triumph New Bonneville T100 Gold Line Editions มีความกว้างของแฮนด์รถที่ 780 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,100 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 790 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,450 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.5 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 104 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 14.5 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 229 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร

ทางด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph New Bonneville T100 Gold Line Editions  นับว่าเป็นอีกรุ่นที่ดุดันไม่เกรงใจใคร โดยเครื่องยนต์เป็นเเบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา โดยมีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 900 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 65 เเรงม้าที่ 7,400 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,750 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบท่อไอเสียโครเมียม 2 เป็น 2 พร้อมท่อเก็บเสียงโครเมียมคู่ ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่ โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 5 สปีด

เฟรมของ Triumph New Bonneville T100 Gold Line Editions  เป็นเฟรมเเบบโครงเหล็ก ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบโครงเหล็กแขนคู่ ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบล้อซี่ลวด 32 ซี่ 18 x 2.75 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบล้อซี่ลวด 32 ซี่ 17 x 4.25 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด 100/90-18 ยางหลังมีขนาด 150/70-R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นโช้คคาร์ทริดจ์ 41 มิลลิเมตร ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้คหลังคู่ สามารถปรับพรีโหลดได้ โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบดิสก์ลอยเดี่ยวØ310 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบส่วนทางด้านเบรกหลังเป็นเเบบจานเดี่ยว 255 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Nissin ลูกสูบคู่แบบลอย พร้อมระบบ ABS โดยที่แผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น LCD พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก   ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะเดี่ยวจำนวนสองที่นั่ง ตัวบอดี้มีสีเทา คาดด้วยแถบสีเขียว สวยงามและน่าขับขี่อีกรุ่น

สนราคาของ Triumph New Bonneville T100 Gold Line Editions นั้น ประกาศออกมาที่เรทราคา 482,000 บาท ถือว่าเป็นรถคลาสสิคอีกรุ่นของไทรอัมพ์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ
#6

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน นั้นเป็นเเบรนด์จักรยานยนต์สัญชาติอเมริกันที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในเรื่องของจักรยานยนต์ประเภทครุยเซอร์ เเละสำหรับ Harley-Davidson BREAKOUT 117 ปี 2023 ที่มีสไตล์และสมรรถนะที่บึกบึน ที่มาพร้อมกับสีโครเมียมใหม่ ก็พร้อมกวาดความเเรงในทุกเส้นทางเเล้ว

Harley-Davidson BREAKOUT 117 ปี 2023 มาพร้อมกับมิติตัวรถที่น่าสนใจด้วยความยาวที่ 2,370 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 665 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่ 115 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 34 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 145 มิลลิเมตร ฐานล้อมีระยะ 1,695 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ 130/60B21,63H,BW ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ 240/40R18,79V,BW โดยที่ยางจะแบบ Michelin� Scorcher "11" หน้าและหลัง โดยมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 18.9 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอยู่ที่ 4.7 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 296 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 310 กิโลกรัม

Harley-Davidson BREAKOUT 117 ปี 2023 มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ร้อนเเรง โดยมันเป็นเครื่องยนต์รุ่น Milwaukee-Eight 117 V-TWIN ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,923 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 103.5 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 114.3 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 10.2:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียเป็นเเบบ ท่อแคทาลิกแบบซ้อน 2-ออก-2 โดยแรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 158 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 3500 ให้กำลังเเรงม้าที่ 94 HP / 70 kW @ 5020 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 26.8 องศา ส่วนมุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 26.8 องศา ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 5.6 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยระบบขับเคลื่อนหลักเป็นเกียร์ 6 สปีด มีอัตราทดของโซ่ 34/46

Harley-Davidson BREAKOUT 117 ปี 2023 มีเฟรมที่ได้รับการออกเเบบใหม่ตามสไตล์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันให้มีความเเข็งเเกร่งสูง โดยทางด้านแชสซีจะมี โช้คหน้าเป็นเเบบโช้คเทเลสโคปิคที่มีวาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มม. พร้อมแคลมป์รัดโช้คแบบอลูมิเนียมสามอัน; สปริงแบบสองค่าในตัว ขณะที่โช้คหลังเป็นเเบบโมโนโช้ค Coil-over แบบลูกสูบลอย ระยะยืดหด 43 มม.; ปรับพรีโหลดแบบไฮดรอลิกโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ล้อหน้าเเละล้อหลังจะเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียมขึ้นรูป 29 ก้าน สี Gloss Black โดยที่จานเบรกเป็นเเบบจานเบรกแบบลอย แยก 7 ก้าน ด้านหน้าและด้านหลัง สีดำมีคาลิเปอร์เบรก เเบบ 4 ลูกสูบหน้ายึดกับที่และ 2 ลูกสูบหลังปล่อยลอย ส่วนโคมไฟหน้าทรงกลมใหญ่คลาสสิคสวยงาม ไฟแบบ LED ทั้งหมด ไฟต่ำ ไฟสูง และตำแหน่งไฟที่เป็นเอกลักษณ์ สไตล์ทรง Bullet, สัญญาณไฟหยุด/ไฟท้าย/ไฟเลี้ยวแบบ LED มัลติฟังก์ชั่น, ทรง Bullet แบบหลอดไส้ ส่วนจอเเสดงผลเป็นจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 2.14 นิ้ว พร้อมมาตรวัดความเร็ว เกียร์ มาตรวัดระยะทาง ระดับน้ำมัน นาฬิกา ทริป ตัวบอกระยะและเครื่องวัดความเร็วรอบ ตัวถังมี 4 สีมาให้เลือกกัน ทั้งสีดำ Vivid Black , สีดำ Black Denim, สีส้ม Baja Orange แและสีเงิน Atlas Silver Metallic

ราคาขายของ Harley-Davidson BREAKOUT 117 ปี 2023 ในประเทศไทยต้องรอฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประเทศไทยประกาศอีกครั้งหนึ่ง
#7

BMW F 850 GS Adventure คืออีกรถจักรยานยนต์เเนวแอดเวนเจอร์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีความดุดันเเละทรงประสิทธิภาพอย่างมากในการขับขี่ทุกสภาวะของเส้นทาง เเละได้รับการยอมรับถึงความเเข็งแกร่งของโครงสร้างตัวรถเเละสมรรถนะของเครื่องยนต์ รวมทั้งเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ที่ทำให้การเดินทางบนเส้นทางทุรกันดารเป็นเรื่องง่ายดายในทันทีเมื่อเลือกใช้งานรถรุ่นนี้

มิติตัวรถของ BMW F 850 GS Adventure ถือว่าลงตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยมันมีความยาว 2,300 มิลลิเมตร ความสูงเหนือกระจก 1,437 มิลลิเมตร ความกว้างเหนือก้านมือจับ 939 มิลลิเมตร ส่วนระดับความสูงของที่นั่งเมื่อมีน้ำหนักด้านข้างตัวรถอยู่ที่ 875 มิลลิเมตร ค่าความกว้างของช่วงขาเมื่อมีน้ำหนักด้านข้างตัวรถอยู่ที่ 1,950 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 23 ลิตร ปริมาณน้ำมันสำรองประมาณ  3.5 ลิตร น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุดอยู่ที่ 445 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรวมบรรทุกอยู่ที่ 207 กิโลกรัม

ส่วนในเรื่องของสมรรถนะนั้น BMW F 850 GS Adventure มาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ Water-cooled 4-stroke in-line two-cylinder engine, four valves per cylinder, two overhead camshafts, dry sump lubrication ที่มีรู x ช่วงชัก อยู่ที่ 84 มิลลิเมตร X 77 มิลลิเมตร ความจุเครื่องยนต์ขนาด 853 ซีซี ให้กำลัง 95 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 92 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ส่วนอัตรากำลังอัดอยู่ที่ 12.7:1 มีการเตรียมเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic injection ส่วนระบบไอเสียเป็นเเบบ Closed-loop 3-way catalytic converter, emission standard EU-5 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเละมีอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 4.2 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร โดยประเภทน้ำมันที่ใช้จะเป็นเเบบ น้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่ว รองรับค่าออกเทน 95 ขึ้นไป ส่วนไดชาร์จเป็นแบบ permanent magnetic alternator 416 W เเละแบตเตอรี่เป็นเเบบ 12 โวลต์ / 10 แอมแปร์ ระบบคลัทช์เป็น Multiple-disc wet clutch (anti hopping), mechanically operated มีเกียร์เเบบ Constant mesh 6-speed gearbox integrated in crankcase พร้อมระบบขับเคลื่อนเเบบ Endless O-ring chain with shock damping in rear wheel hub

เฟรมของ BMW F 850 GS Adventure เป็นเเบบ Bridge-type frame, steel shell construction โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คหัวกลับขนาด Ø43 มิลลิเมตร ส่วนระบบกันสะเทือนล้อหลังเป็นเเบบ สวิงอาร์มคู่อลูมิเนียม พร้อมปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ด้วยระบบไฮดรอลิค โดยที่ระยะระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอยู่ที่ 230 มิลลิเมตร / 215 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,593 มิลลิเมตร มุมแคสเตอร์อยู่ที่ 124.6 มิลลิเมตร มุมแฮนด์รถอยู่ที่ 62 องศา โดยล้อเป็นเเบบ Cross spoke wheels โดยขนาดล้อหน้าอยู่ที่ 2.15" x 21" ขนาดล้อหลังอยู่ที่ 4.25" x 17" โดยที่ขนาดยางล้อหน้าอยู่ที่ 90/90 R21 ส่วนขนาดยางล้อหลังอยู่ที่ 150/70 R17 ระบบเบรคล้อหน้าเป็นเเบบดิสก์เบรคคู่ ขนาด 305 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์สี่สูบ ส่วนระบบเบรคล้อหลังเป็นเเบบดิสก์เบรคเดี๋ยวขนาด Ø 265 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์สูบเดี่ยว พร้อมระบบ  ABS  เป็นเเบบ BMW Motorrad ABS ไฟเข้าโค้งแบบปรับได้สามารถฉลองการเข้าโค้งที่สวยงามยิ่งขึ้นด้วยไฟส่องสว่าง พร้อมกระจกหน้าปรับความสูงได้ หน้าจอเเสดงผลรูปแบบใหม่ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ตัวบอดี้มี 2 เฉดสีด้วยกัน คือสีเงิน Kalamata metallic matt 2 เเละสีดำ Triple Black เรียกว่าสวยงามทั้งสองสี

สนราคาขายของ BMW F 850 GS Adventure นั้นเคาะราคาเริ่มต้นออกมาที่ 649,000 บาท
#8

จุดประกายจิตวิญญาณนักแข่งของคุณด้วย Honda New CBR500R ที่ส่งตรงความแรงจากสนามแข่ง จัดเต็มอุปกรณ์ใหม่เพิ่มสมรรถนะ พร้อมดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ออกแบบตามหลัก Aerodynamic ปลุกจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจของนักแข่งตัวจริง

Honda New CBR500R มาพร้อมกับมิติตัวรถที่มีความน่าสนใจ โดยมันมีขนาดความกว้างอยู่ที่ 765 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,081 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,145 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,409 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 181 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 789 มิลลิเมตร ทางด้านของมุมคาสเตอร์/ระยะเทรล อยู่ที่ 25°30' / 101 มิลลิเมตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 192 กิโลกรัม เป็นรุ่นที่มีตัวถังสมส่วนเหมาะกับการทำความเร็ว

Honda New CBR500R มาพร้อมกับสมรรถนะขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวน 2 สูบ DOHC มีความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 67 x 46 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.7 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ คลัตซ์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน โดยมีระบบส่งกำลัง M/T 6-Speed ที่ทำงานร่วมกับระบบเฟืองท้ายเเบบ โซ่ขับเคลื่อน โดยที่มี อัตราทดรอบ/เส้นรอบวงล้อ อยู่ที่ 2.733  โดยระบบจุดระเบิดเป็น Full Transistorized เเละมีระบบการติดเครื่องยนต์เป็นเเบบ สตาร์ทโดยมอเตอร์ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่มีขุมกำลังเเรงอย่างมาก

Honda New CBR500R มาพร้อมกับเฟรมที่เเข็งเเกร่งเพราะดีไซน์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เเละมีระบบกันสะเทือนที่ทรงพลัง ด้วยโช้กอัพหัวกลับขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าช่วยดูดซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ระบบห้ามล้อหน้าจะเป็นเเบบ Hydraulic double disc ส่วนระบบห้ามล้อหลังก็เป็นเเบบ Hydraulic disc โดยมีขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C(58W) ส่วนขนาดยางหลัง 160/60ZR17M/C(69W) มีหน้าปัดเเสดงข้อมูลการขับขี่เป็นทรงสปอร์ตเเสดงผลเเบบดิจิตอลเเละมีไฟบอกตำเเหน่งเกียร์ พร้อมกับที่ชาร์ตไฟสำรองเเบบ USB PORTส่วนระบบไฟทั้งโคมไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟกรอบทะเบียน จะเป็นเเบบ Full LED โดยโคมไฟหน้ามีสไตล์โฉบเฉี่ยวสวยงามเป็นอย่างยิ่ง กระจังบังลมเเข็งเเรงพร้อมปรับตำเเหน่งได้อีกด้วย สัญญาณไฟฉุกเฉินกระพริบเมื่อมีการเบรกกระทันหัน มาตรฐานระดับรถซุปเปอร์ไบค์ ตัวบอดี้มาพร้อมกับสีให้เลือก 3 สี ทั้งสีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC (BLK), สี SWORD SILVER METALLIC (S-B) เเละสี GRAND PRIX RED (R-B) ต้องบอกเลยว่าสวยงามทุกสี

ส่วนราคาของ Honda New CBR500R นั้นเคาะราคาขายกันออกมาที่เรท 219,800 บาท เป็นราคาที่มีความน่าสนใจเเละคุ้มค่าอย่างมากกับการได้ครอบครองเทคโนโลยีจากสนามเเข่งขันที่มีความเร็วสูง
#9


หากคุณชื่นชอบรถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นอเมริกันเเล้วต้องบอกเลยว่า Indian Springfield นับว่าเป็นรถอีกรุ่นของ Indian Motorcycle ที่จะทำให้คุณสัมผัสได้กับความเป็นอเมริกันอย่างเเท้จริง

Indian Springfield มีโครงสร้างตัวรถที่มีขนาดใหญ่ โดยมันมีความยาว 2,583 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,080 มิลลิเมตร เเละมีความสูง 1,439 มิลลิเมตร Lean Angle อยู่ที่ 31 องศา ส่วน Rake อยู่ที่ 25 องศา เเละเทรลอยู่ที่ 133 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อที่ 1,701 มิลลิเมตร ความสูงเบาะที่นั่งอยู่ที่ 660 มิลลิเมตร ระยะความสูงจากพื้นอยู่ที่ 142 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 20.8 ลิตร น้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 362 กิโลกรัม น้ำหนักรถเมื่อรวมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังอยู่ที่ 376 กิโลกรัม เเละน้ำหนักรถรวมบรรทุกอยู่ที่ 628 กิโลกรัม

ทางด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์นั้น Indian Springfield ก็มาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ Thunderstroke 116 ที่ระบายความร้อนด้วยลม มีความจุขนาดใหญ่ถึง 1,811 ซีซี มีกระบอกสูบขนาด 101 มิลลิเมตร X 113 มิลลิเมตร อัตรากำลังอัดอยู่ที่ 9.5:1 มีระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์เป็นเเบบ Closed loop fuel Injection / 54mm bore ให้กำลังสูงสุดที่ 3,000 รอบต่อนาที เเละมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 162 นิวตันเมตร พร้อมกับ Gear Drive Wet Clutch ที่ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Wet, Multi-Plate, Assist พร้อมกับเกียร์เเบบ 6 สปีด ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่มีเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพ

เฟรมของ Indian Springfield นั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ทั้งหมดในเเบบเฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ทำให้มีความเเข็งเเกร่งเเละทรงพลังอย่างมาก โดยทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนหน้าเเบบ 4.7 in (119 mm) ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นเเบบ 4.5 in (114 mm) มีระบบเบรกล้อหน้าเป็นเเบบ Dual 300mm floating rotors with 4-piston calipers ส่วนเบรกล้อหลังเป็นเเบบ Single / 300 mm Floating Rotor / 2 Piston Caliper ยางหน้าเป็นเเบบ Metzeler Cruisetec 130/80B17 65H ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Metzeler Cruisetec 180/60R16 80H โดยที่ล้อจะเป็น Highlight Machine Tour 17 in x 3.5 in มีท่อไอเสียเป็นเเบบ Split Dual Exhaust w/ Cross-over โดดเด่นอย่างมากด้วยการคงความคลาสสิคและเอกลักษณ์ที่มีมาอย่างยาวนานด้วยบังโคลนหน้าและศรีษะอินเดียนที่ส่องสว่างทุกการขับขี่. งานโครมเมี่ยมทั้งคันที่บ่งบอกถึงความหรูหรามีระดับสะกดทุกสายตา ส่วนชิลด์หน้าขนาดใหญ่ที่ช่วยทำให้คุณขับขี่แบบไร้กังวลถึงการปะทะของลมสู่ผู้ขี่ และยังสามารถถอดออกได้ง่ายดายด้วยระบบ Quick-Release ทำให้มอเตอร์ไซด์ดู Classic ในอีกรูปแบบ. นอกจากนี้กันล้มสีโครมเมียมคู่หน้าและหลังยังติดมาให้จากโรงงานเพิ่มความสวยงาม และความปลอดภัยกับการเดินทางของคุณ มีระบบล็อคกระเป๋าหลังแบบไร้สายที่สามารถเก็บสัมภาระได้สำหรับการเดินทางของคุณ. กระเป๋าหลังใบที่สามก็ยังเป็นออฟชั่นเสริมสำหรับนักขับขี่ที่ต้องการพื้นที่เก็บของมากขึ้น เสริมด้วยไม่ว่าจะเป็นกุญแจแบบไร้สาย, ระบบ Cruise Control หรือ USB Charger ตัวบอดี้มี 2 สีด้วยกันคือสี Spirit Blue Metallic / Silver Quartz Metallic เเละสี Silver Quartz Metallic / Bronze Pearl Metallic

สนราคาขายของ Indian Springfield นั้นเริ่มต้นที่ 1,880,000 บาท
#10


BMW R 1250 GS Adventure เป็นรถจักรยานยนต์เเนวแอดเวนเจอร์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ถือว่าสมรรถนะสูงอย่างมาก โดยรถคันนี้มีสมรรถนะในตัวที่เหมาะสำหรับการเดินทางในระยะทางที่ผ่านได้ยาก สภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย และจุดหมายปลายทางอันไกลโพ้น

BMW R 1250 GS Adventure ได้รับการออกเเบบโครงสร้างตัวรถมาอย่างดี ด้วยการมีความยาว 2,270 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร ความกว้าง 980 มิลลิเมตร ส่วนความสูงเบาะอยู่ที่ 890/910 มิลลิเมตร ระยะหว่างขาอยู่ที่ 1,950/1,990 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 30 ลิตร ปริมาณน้ำมันสำรองประมาณ  4 ลิตร น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุดอยู่ที่ 485 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรวมบรรทุกอยู่ที่ 217 กิโลกรัม

BMW R 1250 GS Adventure มาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ บ็อกเซอร์สองลูกสูบสี่จังหวะที่หล่อเย็นด้วยอากาศ/ของเหลวพร้อมด้วยเพลาลูกเบี้ยวตั้งซ้อนกันที่ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์สเปอร์ เพลาถ่วงดุลหนึ่งตัว และการควบคุมแกนลูกเบี้ยวแบบแปรผันด้านไอดี BMW ShiftCam ที่มีรู x ช่วงชัก อยู่ที่ 102.5 มิลลิเมตร X 76 มิลลิเมตร ความจุเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถึง 1,254 ซีซี ให้กำลัง 136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 143 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ส่วนอัตรากำลังอัดอยู่ที่ 12.5:1 มีการเตรียมเชื้อเพลิงเป็นเเบบ การฉีดเชื้อเพลิงเข้าท่อไอดีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนระบบไอเสียเป็นเเบบ เครื่องฟอกไอเสียที่ควบคุม 3 ทาง, มาตรฐานการปล่อยไอเสีย EU-5 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเละมีอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 4.75 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร โดยประเภทน้ำมันที่ใช้จะเป็นเเบบ น้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่ว รองรับค่าออกเทน 95 ขึ้นไป สามารถรองรับค่าออกเทน 91 ถึง 98 ส่วนไดชาร์จเป็นแบบ อัลเทอร์เนเตอร์ที่มีกำลังการผลิตติดตั้ง 510 วัตต์ เเละแบตเตอรี่เป็นเเบบ 12 โวลต์ / 11.8 แอมป์ต่อชั่วโมง ไม่ต้องบำรุงรักษา ระบบคลัทช์เป็นเเบบ คลัตช์เปียกพร้อมด้วยฟังก์ชันลดแรงกระชาก ควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิค มีเกียร์เเบบ 6 สปีด พร้อม Helical gear teeth พร้อมระบบขับเคลื่อนเเบบเพลา

BMW R 1250 GS Adventure มีเฟรมเเบบ Two-section frame, front- and bolted on rear frame, load-bearing engine โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้ค Telever ขนาด Ø37 มิลลิเมตร พร้อม Central spring strut ส่วนระบบกันสะเทือนล้อหลังเป็นเเบบ BMW Motorrad Paralever สวิงอาร์มอะลูมิเนียมเดี่ยวพร้อม WAD strut พร้อมปรับตั้ง ค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ด้วยระบบไฟฟ้า Dynamic ESA โดยที่ระยะระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอยู่ที่ 210 มิลลิเมตร / 220 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,504 มิลลิเมตร มุมแคสเตอร์อยู่ที่ 95.4  มิลลิเมตร มุมแฮนด์รถอยู่ที่ 65.1 องศา โดยล้อเป็นเเบบ ล้อซี่ลวด โดยขนาดล้อหน้าอยู่ที่ 3.00" x 19" ขนาดล้อหลังอยู่ที่ 4.50" x 17" โดยที่ขนาดยางล้อหน้าอยู่ที่ 120/70 R 19 ส่วนขนาดยางล้อหลังอยู่ที่ 170/60 R 17 ระบบเบรคล้อหน้าเป็นเเบบดิสก์เบรคคู่ ขนาด 305 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์สี่สูบ ส่วนระบบเบรคล้อหลังเป็นเเบบดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด Ø 276 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์สองลูกสูบ พร้อมระบบ  ABS  เป็นเเบบ BMW Motorrad Integral ABS ระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติพร้อมไฟหน้า LED แบบพับได้ มีโหมดการขับขี่แบบ Pro ได้รับการปรับให้เข้ากับรูปแบบ

การขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป และช่วยให้คุณควบคุมมอเตอร์ไซค์ของคุณได้ดียิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติต่างๆ มีจอภาพ TFT เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและมอเตอร์ไซค์เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยให้คุณใช้ระบบนำทาง ฟังเพลง และโทรศัพท์ด้วยแอปที่เชื่อมต่อกับ BMW Motorrad ตัวบอดี้มี 3 เฉดสีด้วยกัน คือสีฟ้า GS Trophy, สีดำ Triple Black เเละสี Rallye

สนราคาขายของ BMW R 1250 GS Adventure นั้นเคาะราคาเริ่มต้นออกมาที่ 1,195,000 บาท