Main Menu

Recent posts

#1

TOYOTA YARIS รถยนต์อีโค่คาร์ที่มียอดขายอันดับ 1 ของ ไทยอย่างยาวนาน ด้วยความคุ้มค่าคุ่มราคา ใช้งานง่าย โดยเฉพาะการใช้งานในเมือง มีความคล่องตัวเป็นพิเศษ และปี 2023 นี้ มีการเปิดตัว TOYOTA YARIS Premium ออกมาเพิ่มเติม มีการเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษหลายอย่างออกมาอย่างน่าสนใจ ท่านที่มองหารถยนต์ใช้งานในเมือง ประหยัดน้ำมัน ไม่ควรพลาดกับ TOYOTA YARIS Premium รุ่นนี้

ขุมกำลังของ TOYOTA YARIS Premium
TOYOTA YARIS Premium เป็นรุ่นที่พัฒนาเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
•   มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 3NR-FKE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-iE
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1197 ซีซี
•   ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 92 แรงม้าที่/ 6,000 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 109 / 4,400 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
TOYOTA YARIS Premium รุ่นนี้ ได้เป็นไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมด้วย LED Light Guiding พร้อมกับ LED Light Guiding และที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบเปิดปิดอัตโนมัติ กระจกกันลมด้านหน้าเป็นแบบกันเสียงรบกวน ทำให้ห้องโดยสารเงียบยิ่งขึ้น กันชนด้านหน้าแนวสปอร์ต ตกแต่งด้วยลายคาร์บอนไฟเบอร์

ดีไซน์ภายใน
เบานั่งภายในทำจากวัสดุหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลอ่อน สีภายในห้องโดยสารใช้เป็นสีโทน ดำ-น้ำตาลให้ความรู้สึกที่หรูหรา พวงมาลัยเป็นรถบบไฟฟ้า EPS หุ้มด้วยหนังพิเศษ คอนโซลรถเป็นสีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก การควบคุมกระจกในรถระบบไฟฟ้าทั้งหมด มีกระจกแต่งหน้าที่แผงบังแดดคู่หน้า มีไฟในห้องโดยสาร มีราวมือจับทุกจุดรวม 4 ตำแหน่ง และมีกระเป๋าเบาะหลังตรงฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
หน้าจอของ TOYOTA YARIS Premium ในปีนี้ได้เป็นจอสีแบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว เครื่องเสียงในตัวรถเป็นแบบ เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมตัวกับ ระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ รองรับระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ มีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารอัตโนมัติ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติได้ และกล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ 
ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA YARIS Premium

สำหรับ TOYOTA YARIS Premium ได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารในรถมากขึ้น ด้วยการเพิ่มถุงลมนิรภัย 4 จุดคือ คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ มีระบบช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน และเตือนในขณะอยู่ในมุมอับสายตา มีกล้องที่สามารถมองได้รอบคัน เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อคแบบ ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD เข็มขัดนิรภัยเป็นแบบผ่อนแรง และระบบเตือนให้คาดเข็มขัด

ราคา
TOYOTA YARIS Premium มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 679,000 บาท


หากท่านต้องการรถอีโค่ค่าร์ ที่เข้าถึงได้ง่าย และได้อุปกรณ์ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง TOYOTA YARIS Premium เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้าม ด้วยราคาขนาดนี้ แต่ได้ของติดรถมาขนาดนี้ ยังไงก็คุ้ม
#2

ในปี 2023 รถยนต์ไฟฟ้า EV ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ทั้งจากเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมากมาย และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน ทำให้รถไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกใหม่ ที่มีให้เห็นกันเต็มท้องถนนไปหมดโดยเฉพาะปี 2023 นี้ และบทความนี้จะมาแนะนำ 3 รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่น่าสนใจของปี 2023 กัน พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย

3 รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่น่าสนใจของปี 2023

1.    MG Maxus 9 กับ MG ES
รถยี่ห้อ MG กำลังมาแรงอย่างมากในไทย มียอดขายพุ่งทะยานจนแซงยี่ห้ออื่นๆไปแล้วในปัจจุบัน เช่นกันกับรถไฟฟ้าคุณภาพดีที่ทางค่ายได้ผลิตออกมาสู่ตลอด มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง ราคาจับต้องได้เป็นอย่างดี สำหรับรุ่น MG Maxus 9 นั้น มีกำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 35.7 กก. ต่อชั่วโมง มีแบตเตอรี่ความจุ 90.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มจะวิ่งได้สูงสุด 540 กม. ตามมาตรฐานของ NEDC เป็นรถ MPV 7 ที่นั่งแบบไฟฟ้า 100% แล้วยังเป็น BEV รุ่นแรกในประเทศไทยอีกด้วย ราคาประมาณ  2,499,000 - 2,699,000 บาท

ส่วนรุ่น MG ES นั้น มีกำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 28.6 กก. ต่อชั่วโมง มีแบตเตอรี่ความจุ 51.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มจะวิ่งได้สูงสุด 412 กม. ตามมาตรฐานของ NEDC ส่วนการออกแบบเน้นไปยังความล้ำสมัยที่สวยงาม มีราคาที่ 959,000 บาท

2.    ORA Good Cat 500 Ultra
รถไฟฟ้ารุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเลยทีเดียวในปี 2023 ORA Good Cat 500 Ultra เป็นรถจากฝั่งค่ายจีนที่ส่งเข้ามาในไทย แล้วด้วยจุดเด่นที่น่าสนใจทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ไปโดนใจคนหมู่มากเข้าเต็มๆ จุดเด่นมี แบตเตอรี่รุ่น Ternary (NMC) ที่มีความจุ 63.139 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม. ทั้งยังมีกำลังวิ่งสูงสุดได้ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร และทำความเร็วสูงสุด ได้ถึง 152 กม./ชม. โดยรถมีให้เลือกมาถึง 7 สี 7 สไตล์ การออกแบบเน้นไปในทางคลาสสิคแต่ทันสมัย ราคาประมาณ 959,000 บาท เป็นรุ่นที่ขายดีมากๆอีกรุ่นในเวลานี้

3.    Tesla Model Y Performance
เมื่อพูดถึงรถไฟฟ้า จะไม่พูดถึงยี่ห้อ Tesla ไม่ได้ เพราะแทบจะเป็นผู้บุกเบิกเลยทีเดียว ซึ่งรุ่น Tesla Model Y Performance ต้องบอกว่าดีสุดๆ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที มีความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. แบตเตอรี่ความจุ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มจะวิ่งได้มากถึง 582 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ด้านการออกแบบดีเยี่ยมรอบด้าน สไตล์อนาคตกันเลย ตัวรถมีความโค้งมน ทำได้เรียบหรู หลังคาทรงโค้งมีความสูงที่มาก โดยรุ่นนี้นิยมกันไปทั่วโลก และราคาประมาณ 2,509,000 บาท
#3

Burj Khalifa หรือชื่อไทยคือ เบิร์จ คาลิฟา คือตึกที่ถูกบันทึกว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดโลกของยุคปัจจุบันปี 2023 แล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมชื่อดังแห่งเมืองดูไบ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย บทความนี้จะทำความรู้สึกตึกนี้กันให้มากขึ้น ให้รู้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างแค่ไหน จากจุดเริ่มต้นจนกลายมาเป็นตึกที่คนอยากจะมาเห็นอยากจะมาสัมผัสด้วยตัวเองมากที่สุดในโลก

   จุดเริ่มต้นของการสร้างตึก Burj Khalifa เกิดขึ้นเมื่อปี 2004 หรือ 19 ปีที่แล้ว โดยประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้จ้างสถาปิกชื่อดังของโลกเอาไว้ที่นี่ทั้งหมดจากหลายๆประเทศ เพื่อเนรมิตให้ตึกแห่งความฝันนี้เกิดขึ้นจริงให้ได้ กระทั่งในปี 2009 หรือ 5 ปีต่อมา ภายนอกของตัวตึกก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แล้วในปีถัดมาก็ได้มีการพัฒนาภายในกันมาอย่างจริงจังในทุกๆด้าน เน้นด้านความทันสมัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควบคู่กับความสวยงามเรื่อยมาถึงปัจจุบัน

   ความสูงรวมของตึก Burj Khalifa คือ 828 เมตร อีกแค่ 172 เมตรเท่านั้นก็จะสูงถึงหลักกิโลพอดี มีชั้นทั้งหมด 162 ชั้น ได้รับการบันทึกว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ส่วนเจ้าของตึกแห่งนี้ก็คือผู้ครองนครดูไบแห่งนี้อย่าง Mohammed bin Rashid Al Makyoum ที่ใช้งบลบงทุนสร้างมากกว่า 1,500 ล้านดอลล่าร์ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราวๆ 50,000 กว่าล้านบาท และในแต่ละวันใช้แรงงานมากถึง 12,000 คนเลยทีเดียว

   นอกจากนั้นแล้วตึกแห่งนี้ยังเป็นเข้าของสถิติที่สุดของโลกอีกมากมายหลายอย่าง โดยแบ่งออกมาเป็นดังนี้

-   เป็นตึกที่มีโครงสร้างที่สูงที่สุดในโลก
-   มีขั้นบันไดภายในตึกที่เยอะที่สุดที่สุดในโลก
-   เป็นตึกที่มีชั้นมากที่สุดในโลก
-   มีหอสังเกตุการณ์อยู่บนตัวตึกที่สูงที่สุดในโลก
-   เป็นตึกที่มีลิฟท์ที่ยาวและสูงที่สุดในโลก 514 เมตร
-   มีสระว่ายน้ำที่สูงที่สุดในโลกอยู่บนชั้นที่ 76 ของตึก
-   ตึก Burj Khalifa มีความสูงมากกว่าหอไอเฟลที่ฝรั่งเศส 3 เท่า


ตึกที่สูงที่สุดในไทยคือ?

   เมื่อได้รู้จักถึงตึกที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ส่วนในบ้านเราล่ะ ตึกไหนคือตึกที่สูงที่สุดกัน คำตอบก็คือ ตึกแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ 317.95 เมตร มีชั้นทั้งหมด 73 ชั้น โดยครองอันดับ 1 มาตั้งแต่ปี 2561 เรียกได้ว่าตึกแห่งนี้คือตึกที่สูงที่สุด และในแต่ละวันได้มีนักท่องเที่ยวมากมายเข้ามาชมความโอ่อ่าของตึกนี้จนนับไม่ถ้วนกันเลย
#4

วันหยุดพักผ่อน ไม่มีอะไรทำ ก็ไปหาเที่ยวกันดีกว่า ยิ่งคนที่ทำงานอยู่ในเมือง อยู่ในกรุงเทพ จะหาที่เที่ยวก็ยาก เราก็เลยอยากแนะนำที่เที่ยวดีๆ ที่สวยงาม และไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย นั่นก็คือที่ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นสถานท่องเที่ยวที่ครบมาก ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยว การกิน การช็อป ทุกอย่างรวมอยู่ที่นี่ทั้งหมด ดังนั้นหากท่านยังไม่ได้วางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ลองมาดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวที่หัวหินกันบ้าง แล้วคุณจะหลงรักที่นี่

กิจกรรมที่น่าสนใจ
เมื่อพูดถึงหัวหิน คนก็ต้องนึกถึงทะเลเป็นอย่างแรก เพราะว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากจะมีทะเลที่สวยงามแล้ว ยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ ได้แก่
•   ตลาดนัดไดโนเสาร์ เป็นตลาดที่ออกแนวย้อนยุคของชาวบ้านบริเวณนั้น บรรยากาศเป็นกันเอง สบายๆ อาหารที่ขายก็มีตั้งแต่ของกินทั่วไป ของใช้ เสื้อผ้า สามารถมาเดินเลือกซื้อได้ทุกวันตอนเย็น เปิดขายทุกวัน
•   เขื่อนปราณบุรี เป็นเขื่อนที่มีความสวยงาม และมีวิวที่ดีมาก ลักษณะของเขื่อนที่นี่จะไม่เหมือนที่ไหน เพราะว่ามีลักษณะนี้เป็นเขื่อนดินขนาดใหญ่ และบริเวณรอบข้างเป็นภูเขา และป่าไม้ที่สมบูรณ์ ทำให้มองเห็นภาพเหมือนกับว่าอยู่ในจินตนาการยังไงอย่างนั้น บรรยากาศเหมาะกับการเดินเล่น และถ่ายรูปก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น บรรยากาศจะดีเป็นพิเศษ
•   หาดเขาเต่า เป็นหาดที่ค่อนข้างสงบ มีระยะทางความยาวประมาณ 300 เมตร หากคุณต้องการความสงบ อยากจะพักผ่อน แนะนำว่ามาเดินเล่นที่หาดเขาเต่า เป็นอะไรที่ฟินมากๆ ยิ่งมาในตอนเช้าหรือเย็น บรรยากาศจะดีกว่า
•   จุดชมวิวหินเหล็กไฟ เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะตรงจุดนี้ คุณจะได้เห็นทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างกว้างไกล และมองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศตรงจุดชมวิวนี้ก็สวยงาม ยิ่งถ้าขึ้นมาในช่วงพระอาทิตย์ตก คุณก็จะได้ภาพสวยๆ อีกเยอะเลยแหละ

การเดินทาง
สามารถเดินทางมาหัวหินได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถจักรยานยนต์ และรถไฟ เปิดให้เที่ยวทุกวัน เส้นทางสะดวกสบาย ใช้ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะถึง ถือว่าใกล้มาก ไปเช้าเย็นกลับได้เลย
ค่าบริการในการเข้าชม
ฟรี

ที่พักและอาหาร
เรื่องของที่พักที่หัวหิน ไม่ต้องห่วงเลย มีให้เลือกเยอะมาก มีหลายแบบ ทั้งรีสอร์ท บ้านพัก บังกะโล บ้านเช่าทั่วไป เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ส่วนอาหารก็มีหลายร้านให้เลือกทาน รวมถึงบาร์ ผับ ต่างๆ และอาหารข้างทาง รสชาติก็อร่อยสุดๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างจริง

พิกัดของ หัวหิน
อยู่เทศบาลเมืองแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
#5

จอร์แดน อายิว ปีกทีมชาติกาน่าของ คริสตัล พาเลซ
ทีมชาติ : กาน่า 90 นัด – 19 ประตู (2010-?)
สโมสรปัจจุบัน : คริสตัล พาเลซ 175 นัด – 19 ประตู (2019-?)

จอร์แดน อายิว เกิดวันที่ 11 กันยายน 1991 ที่ประเทศฝรั่งเศส เริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร Lyon Duchère (2000-2006) จากนั้นย้ายสู่อคาเดมี่ของ มาร์กเซย์ แล้วได้รับสัญญาอาชีพ ในฤดูกาล 2009/10 ได้ลงเล่นลีกเอิง 4 นัด ยิง 1 ประตู จากนั้นในฤดูกาล 2010/11 จอร์แดนเริ่มได้รับโอกาสมากขึ้น ลงเล่น 29 นัดรวมทุกรายการ ยิง 2 ประตู

ฤดูกาล 2011/12 จอร์แดน อายิว กลายเป็นตัวหลักของ มาร์กเซย์ อย่างเต็มตัว ลงสนาม 45 นัดรวมทุกรายการ ยิง 7 ประตู โดยยืนเป็นแนวรุกร่วมกับ โลอิค เรมี่ และ อังเดร อายิว (น้องชาย) ฤดูกาลต่อมา จอร์แดนกดไปอีก 10 ประตูจาก 47 นัด พาทีมจบด้วยรองแชมป์ลีกเอิง ตามหลัง PSG 12 คะแนน

ฤดูกาล 2013/14 จอร์แดน อายิว เล่นให้ มาร์กเซย์ 22 นัด ยิง 2 ประตู แล้วถูกส่งให้ โซโชซ์ ยืมตัวไปใช้งานในครึ่งฤดูกาลหลัง ลงเล่น 18 นัด ยิง 5 ประตู หลังจบฤดูกาลดังกล่าว จอร์แดนถูกขายให้ ลอริยงต์ ลงเล่นในฤดูกาล 2014/15 ยิง 13 ประตู จากการลงเล่น 33 นัดรวมทุกรายการ

ฤดูกาล 2015/16 แอสตัน วิลล่า จ่ายเงิน 8 ล้านปอนด์ ดึงตัว จอร์แดน อายิว มาร่วมทีม พร้อมสัญญา 5 ปี เปิดตัวฤดูกาลแรกด้วยการยิง 7 ประตู จาก 36 นัดรวมทุกรายการ แต่ไม่เพียงพอต่อการพาทีมอยู่รอด ตกชั้นไปเล่นเดอะ แชมป์เปียนชิพ ในฤดูกาล 2016/17 ลงเล่นได้แค่ 22 นัด ก็ถูก สวอนซี ซื้อตัวขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวกัน ได้ลงเล่น 14 นัดยิง 1 ประตู

ฤดูกาล 2017/18 จอร์แดน อายิว เป็นตัวหลักของ สวอนซี อย่างเต็มตัว ยืนเป็นแนวรุกตัวหลักร่วมกับ แทมมี่ อับราฮัม เขายิงในพรีเมียร์ลีก 7 ประตู จาก 36 นัด สวอนซี ก็ตกชั้นในฤดูกาลนั้น แล้วจอร์แดนถูกส่งให้ คริสตัล พาเลซ ยืมตัวในฤดูกาล 2018/19 ทำให้เขายังอยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อ แต่ก็ยิงได้แค่ลูกเดียวจาก 22 นัด

ฤดูกาล 2019/20 จอร์แดน อายิว ยิงในพรีเมียร์ลีกได้ 9 ประตูจาก 37 นัด เป็นการยิงในพรีเมียร์ลีกได้มากที่สุด แต่อีก 2 ฤดูกาลต่อมา กลับยิงรวมกันได้แค่ 4 ประตูจาก 64 นัด ต่อมาในฤดูกาล 2022/23 จอร์แดนไม่พลาดพรีเมียร์ลีกสักนัด ยิง 4 ประตู แบ่งเป็นการยิง 1 ประตูใส่ บอร์นมัธ (ชนะ 2-0) กับ เวสต์แฮม (ชนะ 4-3) และยิงอีก 2 ประตูใส่ ลีดส์ ยูไนเต็ด (ชนะ 5-1)

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) จอร์แดน อายิว ยังอยู่กับ คริสตัล พาเลซ ลงเล่น 4 นัด ยิง 0 ประตู จ่าย 3 แอสซิสต์ แบ่งเป็นการแอสซิสต์ในเกมชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 กับหนึ่งแอสซิสต์ในเกมเสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 นั่นรวมถึงหนึ่งแอสซิสต์ในเกม คาราบาว คัพ ที่ชนะ พลีมัธ 4-2
#6

ในโลกนี้คงไม่มีนักฟุตบอลคนไหนอีกแล้ว ที่โลกจะรู้จักเขาเกือบทุกคน นั่นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ อดีตนักเตะของ บาร์เซโลน่า ที่สร้างตำนานเอาไว้ในโลกฟุตบอลมากมาย และเขาก็กลายมาเป็นไอดอลคนสำคัญ ของคนที่เล่นฟุตบอลทั่วโลก จะเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็รู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดี

ชื่อเต็ม ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่
วันเกิด 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 (36 ปี)
สถานที่เกิด โรซาริโอ อาร์เจนตินา
ส่วนสูง 1.70 เมตร (5 ฟุต 7 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองหน้า,กองกลางตัวรุก, ปีก

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ ลิโอเนล เมสซี่

ชีวิตของการเป็นนักฟุตบอลของ เมสซี่ เริ่มต้นเมื่ออายุได้เพียง 5 ขวบเท่านั้น ในตอนนั้นเขาได้เข้าไปเล่นให้กับทีม กรานโดลี่ ซึ่งเป็นทีมเล็กๆ จากนั้นเขาได้ไปอยู่กับสโมสรของอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นลีกสูงสุดในขณะนั้น ก็คือทีม นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ อย่างไรก็ตาม เส้นทางนักฟุตบอลของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ เพราะว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย ที่เล็กเกินไป ด้วยสภาวะขาดฮอร์โมน และครอบครัวซึ่งยากจนอยู่แล้ว ก็ไม่มีทางช่วยในการรักษาอาการนี้ได้เลย

แต่หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อผู้อำนวยการของทีม บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน ได้เข้ามายื่นข้อเสนอให้กับเมสซี่ ด้วยการให้ไปอยู่ที่สเปน พร้อมจะช่วยรักษาอาการนี้ของเขาให้หาย และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเอาจริงเอาจังด้านฟุตบอลของ เมสซี่

และด้วยพรสวรรค์ของตัวเอง ประกอบกับการฝึกซ้อมอย่างหนัก และยังมีโค้ชสอนที่เก่งกาจ ทำให้ฝีเท้าของ เมสซี่ พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาได้ก้าวเข้ามาติดทีมชุดใหญ่ในวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ซึ่งน้อยมาก เมื่อเทียบกับนักเตะรุ่นพี่คนอื่นๆ หลังจากนั้นทีม บาร์เซโลน่า ก็เดินหน้าเก็บรางวัลได้อีกนับไม่ถ้วน ตัวของ เมสซี่ เอง ก็สร้างชื่อให้กับตัวเองเอาไว้เยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรางวัลส่วนตัว รางวัลระดับสโมสร รวมถึงการรับใช้ประเทศในฐานะนักเตะทีมชาติ ก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน เพราะสามารถพาทีมชาติ อาร์เจนติน่า ได้แชมป์ ฟุตบอลโลกปี 2022  ได้อย่างงดงาม เรียกว่าประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านเลยก็ว่าได้

รางวัลส่วนตัว

•   บัลลงดอร์ 6 สมัย (2009, 2010, 2011, 2012, 2015, 2019)
•   นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 1 สมัย (2014)
•   นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า 1 สมัย (2009)
•   เดอะ เบสต์ ฟีฟ่า เมนส์ เพลเยอร์ 1 สมัย (2019)
•   นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก 3 สมัย (2006, 2007, 2008)
•   รองเท้าทองคำของ ยุโรป 6 สมัย (2009-2010, 2011-12, 2012-13, 2016-17, 2017-18, 2018-19)
•   นักเตะยอดเยี่ยม โกปา อเมริกา 1 สมัย (2015)
•   นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ยูฟ่า 2 สมัย (2011, 2015)
•   นักเตะยอดเยี่ยม ลา ลีกา  6 สมัย (2008-09, 2009-10, 2010-11, 2011-12, 2012-13, 2014-15)
•   ดาวซัลโวสูงสุด ลา ลีกา 7 สมัย (2009-10, 2011-12, 2012-13, 2016-17, 2017-18, 2018-19, 2019-20)
#7


เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แนวรุกชาวอังกฤษของ อาร์เซน่อล
ทีมชาติ : อังกฤษ U21 ลงเล่น 17 นัด ยิง 16 ประตู (ยังไม่ติดทีมชาติชุดใหญ่)
สโมสรปัจจุบัน : อาร์เซน่อล 134 นัด ยิง 33 ประตู (2017-?)

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (Eddie Nketiah) เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม 1999 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับอคาเดมี่ของสโมสร เชลซี ช่วงปี 2008-2015 จากนั้นย้ายสู่ อคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล แล้วได้รับสัญญาอาชีพในปี 2017 ประเดิมฤดูกาล 2017/18 ด้วยการได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีก 3 นัด

ฤดูกาล 20018/19 เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยังเป็นตัวเลือกรอง โดยทีมชุดนั้นมี เอเมริค โอบาเมยอง, อเลซองด์ ลากาแซตต์ และ อเล็กซ์ อิโวบี้ เป็นแนวรุกตัวหลัก ซึ่ง เอ็นเคเทียห์มีโอกาสลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่ 5 นัด เป็นสำรองทั้งหมด แล้วมี 1 สกอร์ในเกมชนะ เบิร์นลีย์ 3-1 ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลนั้น แล้วนั่นเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ภายใต้สีเสื้อปืนใหญ่

ฤดูกาล 2019/20 เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สถานการณ์แย่ขึ้นไปอีก เขาตกเป็นตัวเลือกถัดจาก แนวรุกชุดเดิมจากฤดูกาลที่แล้ว แถมยังมี บูคาโย่ ซาก้า โผล่ขึ้นมาอีกคน ทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกที่ 5 จากทั้งหมด 3 ตำแหน่ง จบฤดูกาลนั้น เอ็นเคเทียห์ได้ลงเล่น 17 นัดรวมทุกรายการ ยิง 4 ประตู แบ่งเป็น 2 ประตูในพรีเมียร์ลีก จากการยิงใส่ เอฟเวอร์ตั้น (ชนะ 3-2) และ เซาแธมป์ตั้น (ชนะ 2-0)

ฤดูกาล 2020/21 เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้รับโอกาสมากขึ้น แต่เป็นสำรองซะส่วนใหญ่ เปิดหัวด้วยการยิงประตูชัยให้ทีมชนะ เวสต์แฮม 2-1 ในเกมนัดที่ 2 ของฤดูกาล (เป็นสำรอง 13 นาที) จากนั้นก็เป็นสำรองอดทนมาเรื่อยๆ แล้วยิงอีก 1 ประตู ในเกมเสมอ ฟูแล่ม 1-1 (นัดที่ 32 ของฤดูกาล ลงเล่น 19 นาที) จบฤดูกาลนั้น เอ็นเคเทียห์ ลงเล่น 26 นัดรวมทุกรายการ (สำรอง 15 นัด) ยิง 6 ประตู

ฤดูกาล 2021/22 เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ค้าแข้งมา เขายิง 10 ประตูจาก 27 นัด แบ่งเป็นการยิงในพรีเมียร์ลีก 5 ประตู แบ่งเป็นการยิงใส่ เชลซี (ชนะ 4-2) กับ ลีดส์ (ชนะ 2-1) ทีมละ 2 ประตู และอีก 1 ประตูใส่ เอฟเวอร์ตั้น (เสมอ 1-1)

ฤดูกาล 2022/23 แม้จะทำผลงานได้ดีในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่แนวรุกของ อาร์เซน่อล ดีเกินกว่าที่ เอ็นเคเทียห์จะสอดแทรกเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม มันมีจุดเปลี่ยนเมื่อ กาเบรียล เชซุส ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ เอ็นเคเทียห์ได้รับโอกาส เป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก 10 นัดติดต่อกัน ยิง 4 ประตู จ่าย 1 แอสซิสต์ ในช่วงเวลานั้น ช่วยให้ อาร์เซน่อล นำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก หลังผ่านไปประมาณ 24 นัด แต่หลังจาก เชซุสหายเจ็บกลับมา เอ็นเคเทียห์ก็กลับไปนั่งสำรองอีกครั้ง แล้วได้รับบาดเจ็บในช่วงท้ายฤดูกาลด้วย

ฤดูกาล 2023/24 เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยังอยู่กับ อาร์เซน่อล เปิดหัวฤดูกาลด้วยการเป็นตัวจริง มี 1 สกอร์ช่วยให้ทีมเอาชนะ ฟอเรสต์ 2-1
#8

หลังจากที่ล่าสุดวงการฟุตบอลมีเรื่องฮือฮา เมื่อสุดยอดซูปเปอร์สตาร์ชาวบราซิล ก็คือ เนย์มาร์ ได้ตัดสินใจย้ายออกจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาอยู่กับ อัล ฮิลาล ทีมจอมเศรษฐีแห่งลีคซาอุดีอาระเบีย ด้วยข้อเสนอก้อนโตที่ได้รับเน้นๆถึง 86 ล้านปอนด์ต่อปี กับสัญญาที่จะค้าแข้งกับทีมตลอดสัญญา 2 ปี นอกจากนั้นยังได้รับสวัสดิการอีกมากมายจากสโมสร เช่น  แมนชั่นสุดหรู, รถสปอร์ตสุดหรู, เครื่องบินส่วนตัว และหากว่า เนย์มาร์ โพสต์อะไรก็ตามเกี่ยวกับประเทศซาอุดีอาระเบีย จะได้รับทันที 500,000 ยูโรในแต่ละครั้งที่โพสต์

   การย้ายทีมครั้งนี้พร้อมค่าเหนื่อยมหาศาล ทำให้กองหน้าจอมลีลาขึ้นมาติดทำเนียบ TOP 10 ของนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยในปัจจุบันสูงที่สุดในโลกฟุตบอลทันที ดังนั้นแล้วจะพาไปดูกันว่าทั้ง 10 อันดับของนักเตะมีใครกันบ้างที่ได้ค่าเหนื่อยที่สุดในโลกใบนี้

10 นักเตะที่ได้รับค่าจ้างมากสุดในโลกปี 2023

1. อันดับ 1 ร่วมมีด้วยกัน 2 คนคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (อัล นาสเซอร์) กับ
คาริม เบนเซม่า (อัล อิตติฮัด) รับค่าเหนื่อยต่อปีเท่ากัน 172 ล้านปอนด์
2. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (อัล อิตติฮัด) กับ เนย์มาร์ (อัล ฮิลาล) รับเท่ากันที่ 86 ล้านปอนด์
3. คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง) รับที่ 60 ล้านปอนด์
4. ลิโอเนล เมสซี่ (อินเตอร์ ไมอามี่) รับที่ 39 ล้านปอนด์
5. ซาดิโอ มาเน่ (อัล นาสเซอร์) กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อัล เอตติฟาค) รับที่ 34 ล้านปอนด์
6. ริยาด มาห์เรซ (อัล อาห์ลี) รับที่ 30 ล้านปอนด์
7. คาลิดู คูลิบาลี่ (อัล ฮิลาล) รับที่ 26 ล้านปอนด์


ทั้งหมดคือ 10 นักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกของฟุตบอลยุคปัจจุบัน 2023 สิ่งที่น่าสนใจก็คือทั้งหมดมีเพียง เอ็มบั๊ปเป้ คนเดียวเท่านั้นที่ค้าแข้งอยู่ในทวีปยุโรป นอกจากนั้นไม่ใช่ แล้วในบรรดา 10 นักเตะนี้ มีถึง 8 คนเลยทีเดียว ที่ค้าแข้งอยู่ในเอเชียกับลีคเดียวกันทั้งหมดคือ ซาอุดีอาระเบีย นั่นเอง นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคนไหนคิดมาก่อน ว่าจะมีสุดยอดซูปเปอร์สตาร์มากมายต่างตบเท้าพาเหรดกันย้ายมาเล่นในลีคนี้ในปัจจุบัน โดยยังมีนักเตะชื่อดังที่ไม่ได้ถูกพูดถึงได้เข้ามาเล่นในเวลานี้เยอะจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

โลกฟุตบอลในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากมายทั้งสไตล์การเล่นของทุกๆทีม และที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมากที่สุดคือค่าตัวการย้ายทีมที่แพงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงค่าเหนื่อยที่เรียกได้ว่าสูงอย่างมากที่เชื่อว่าจะยิ่งสูงขึ้นกว่านี้ไปอีกแน่นอนในอนาคตอันใกล้
#9

ลิเวอร์พูล คือทีมที่มียอดดาวยิงมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สร้างประตูสุดสวยให้แฟนๆได้ชื่นชมมานับไม่ถ้วน จนหลายคนขึ้นเป็นขวัญใจแฟนบอลตลอดกาลไปเลยก็มีไม่น้อย แล้วในบทความนี้จะมาเจาะลึกให้รู้ถึง 5 อันดับแรกของนักเตะหงส์แดง ที่ทำประตูได้เยอะที่สุดนับเฉพาะ 100 นัดแรกของศึกพรีเมียร์ลีกเท่านั้น จะมีใครติดโผเข้ามาบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย

5 อันดับนักเตะยิงเยอะสุดใน 100 นัดแรกของลิเวอร์พูล

5. ไมเคิล โอเว่น ยิงรวมทั้งหมด 58 ประตู
เด็กปั้นของสโมสรตัวจริงเสียงจริง ที่สร้างความฮือฮาด้วยการขึ้นสู่ชุดใหญ่หงส์แดงในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น จากแววของยอดดาวยิงที่มีความเร็วเป็นอาวุธเด็ดที่พร้อมฉีกแนวรับคู่แข่งกระจุยกระจาย จนได้ฉายา เบบี้โกล มาครอง แล้วเขายังรางวัลบัลลงดอร์สมัยอยู่กับทีมในปี 2001 ซึ่งการันตีฝีเท้าได้เป็นอย่างดี

4. หลุยส์ ซัวเรซ ยิงรวมทั้งหมด 62 ประตู
กองหน้าจอมถล่มประตูชาวอุรุกวัย ย้ายมาเพียงนัดแรกสามารถประเดิมประตูแรกให้ทีมได้ทันที จากนั้นยามลงสนามจะช่วยสร้างเกมรุกที่น่ากลัวได้อยู่เสมอ กลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่มีลีลาการถล่มประตูที่ครบเครื่องได้ทุกท่า รวมแล้วยิงไปถึง 62 ประตู ขึ้นทำเนียบ Top 5 ได้อย่างเยี่ยมยอด

3. ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ยิงรวมทั้งหมด 62 ประตู
ขวัญใจแฟนหงส์แดงตลอดกาลก็ไม่ผิดนักสำหรับ เดอะ ก็อด ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กองหน้าที่แฟนๆชื่นชมสรรเสริญยกย่องไม่มีวันเปลี่ยงแปลงแม้ว่าจะเลิกเล่นไปแล้ว เพราะสมัยค้าแข้งอยู่ เขาคือสุดยอดกองหน้าที่ไว้ใจได้ ฝีเท้าฉกาจ ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ นี่คือกองหน้าที่สุดยอดที่สุดที่สโมสรเคยมีมาอีกคน

2. เฟอร์นันโด ตอร์เรส ยิงรวมทั้งหมด 63 ประตู
หากพูดถึง ตอร์เรส แน่นอนว่าฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เกิดขึ้นในการเล่นกับลิเวอร์พูล แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ปี แต่สิ่งที่เขาได้ทำมันออกมา คือความสุดยอดที่น่าประทับใจ เขายิงประตูได้อย่างเฉียบคม ลีลาการเล่นสุดพลิ้วไหว นี่คือดาวยิงอีกคนที่แฟนๆหงส์แดงต่างชื่นชม เขาคือกองหน้าที่ครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่งของสโมสร

1.โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงรวมทั้งหมด 70 ประตู
แล้วอันดับ 1 ก็คือกองหน้าตัวหลักคนปัจจุบัน ซาลาห์ ที่ยกระดับจากนักเตะทั่วไป สู่นักเตะระดับโลกหลังย้ายมาอยู่หงส์แดง ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ สร้างผลงานสุดยอดพาทีมกวาดแชมป์มากมาย แล้ว 70 ประตูจาก 100 นัดแรกให้กับทีม ยากมากๆที่จะหาใครมาทำลายลงได้ นี่คือเครื่องจักรสังหารตัวจริงเลยทีเดียว
#10


ถ้าหากพูดถึงภูเก็ตแล้ว หลายคนอาจจะคิดว่ามีเพียงเกาะที่สวยงามกับน้ำทะเลที่สวยติดอันดับโลก ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเที่ยวที่นี่ต่อปีได้เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าจังหวัดนี้มีอะไรดีกว่านั้นเยอะ ซึ่งวันนี้จะมาแนะนำบอกต่อกันถึงสถานที่น่าสนใจ ที่จะทำให้การมาเที่ยวภูเก็ตสนุกกว่าที่คิด จนจะต้องกลับมามากกว่า 1 รอบแน่นอน

สถานที่ที่ไม่ควรพลาดยังภูเก็ต

1.เมืองเก่าภูเก็ต ชิโนโปรตุกีส
ที่แรกที่อยากแนะนำว่าจะต้องมาเยี่ยมเยียนให้ได้ คือเมืองเก่ากลางภูเก็ต ชิโนโปรตุกีส ที่ได้รวบเราเอางานศิลปะสุดคลาสสิคเอาไว้อย่างสวยสะดุดตา เมื่อนำมาผสมผสานกับงานในยุคปัจจุบัน ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งที่ดึงดูดใครต่อใครให้หลงรักได้ง่ายๆ ที่นี่เต็มไปด้วยตึกรามตลอดทาง มีร้านคาเฟ่ที่น่าสนใจนับไม่ถ้วน มุมถ่ายรูปเก๋ๆไม่ซ้ำใคร ที่นี่จึงถูกยกให้เป็นที่ที่ต้องมาให้ได้หากมาภูเก็ต

2.หลาดใหญ่ หรือ หาดปล่อยของ
สำหรับใครที่ชื่นชอบในการเดินตลาดซื้อของ อย่างยิ่งกับของมือ 2 ที่หายากมากๆนอกจากที่นี่ ต้องบอกว่าจะติดใจโดยไม่รู้ตัว หลาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต เป็นสถานที่ยอดฮิตของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ที่จะเดินมาจับจ่ายกันอย่างเนืองแน่นในแต่ละวัน ซึ่งของแต่ละชิ้นคืองานศิลปะแสนคลาสสิคที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น รวมทั้งยังมีร้านอาหารให้เลือกเต็มไปหมด มีดนตรีสดให้ฟังกันอย่างเพลิดเพลินใจ มาที่นี่ไม่มีผิดหวังแน่นอน

3.แหลมพรหมเทพ จุดชมประอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของไทย

เมื่อเอ่ยชื่อของ แหลมพรหมเทพ ออกมา ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักเป็นอย่างดี เพราะที่นี่ช่างสวยงามราวกับจินตนาการเอาไว้ เห็นในภาพว่าสวยมากๆแล้ว แต่หากมาเห็นด้วยตาตัวเอง มาสัมผัสด้วยร่างกายของตัวเอง จะยิ่งชื่นชอบไปมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า แล้วพอถึงช่วงไฮไลท์ที่นี่จะสวยงามมากขึ้นไปอีก คือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ที่จะอาบให้ที่นี่เป็นสีทองอร่ามตา เมื่อตัดกับสีน้ำทะเล วิวภูเขาที่ยื่นออกไป ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดในการมาเยี่ยมเยียน

ภูเก็ต คือหนึ่งในจังหวัดของประเทศไทยที่โด่งกังไกลไปทั่วโลก แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยงหลั่งไหลมาไม่เคยขาด และหากว่าได้มีโอกาสมายังที่นี่ ก็อย่าพลาดกับ 3 สถานที่ข้างต้นที่แนะนำ ที่รับประกันได้เลยว่าจะต้องตกหลุมรัก และจะทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงเกาะที่สวยงามเท่านั้นที่น่าเที่ยว